ลวดโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของ Cu และ ZN โดย Cu จะเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าที่ดี ดังนั้นลวดที่มี Cuมากจะกินชิ้นงานได้เร็วและเรียบกว่าลวดที่มี Cu น้อย
นอกจากชิ้นงานเป็นทองแดงและเหล็กแล้วยังมีชิ้นงานประเภท carbide, aluminum, graphite ก็จะนำไฟฟ้าแตกต่างกัน ลวดที่นำมาตัดก็จะแตกต่างกันออกไป
2. เลือกลวดให้เหมาะสมกับความหนาและ Taper องศาของงาน ส่วนสำคัญอีกอย่างที่ควรทราบสำหรับการเลือกลวดคือ tensile strength
ในเบื้องต้น tensile strengthจะถูกระบุจากเครื่องจักรมาแล้ว เช่น เครื่องจากยุโรป เช่น Charmilles,Agieลวดที่ใช้มาตรฐานจะต้องมีค่า tensile อยู่ที่ 510 N/mm2 สำหรับเครื่องญี่ปุ่นหรือผลิตตามมาตรฐาน JIS จะมีค่า tensile strength มาตรฐานอยู่ที่ 980N/mm2 (100 Kg/mm2)
ลวด wire cut ในบ้านเราที่มีขายพอจะแบ่งได้ 4 ชนิด ดังนี้
ชนิดของลวด Wire Cut Tensile Strangth
(S) Soft 390 – 490 N/mm2
(SH) Simi Hard 491 – 700 N/mm2
(H) Hard 900 N/mm2
(SPE) Special (Elongation mm 2%) 900 N/mm2
Taper Highest Cutting Rate at workpiece height of
Precision <150mm. >150 mm.
<7 SH,H,SPE SH,H,SPE H,SPE
8 – 20 SH,S S, SH SH,H
>20 SS SH,H SH,H
This website uses cookies (Learn more) and has a privacy policy (Learn more).